การทำฟันเทียมที่ครอบคลุมฟันธรรมชาติทั้งหมด โดยปกติจะใช้เมื่อฟันมีการสึกหรอ แตก หรือต้องการการเสริมความแข็งแรงหลังจากที่ฟันได้รับการรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) ซึ่งทำให้ฟันอ่อนแอและเสี่ยงต่อการแตก
การทำครอบฟันจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานให้กับฟัน โดยวัสดุที่ใช้ทำครอบฟันมีหลายประเภท เช่น โลหะ เซรามิก หรือวัสดุผสม ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้และตำแหน่งของฟันที่ต้องการครอบ
การทำครอบฟันมักจะใช้เวลา 2 - 3 ครั้ง ได้แก่ การเตรียมฟันและการทำครอบฟันในแล็บหลังจากสแกนช่องปากและการใส่ครอบฟัน
ฟันที่ได้รับการรักษารากฟัน (Root Canal Treatment)
เมื่อฟันได้รับการรักษารากฟันแล้ว ฟันจะมีความเปราะบางมากขึ้น ครอบฟันจะช่วยเสริมความแข็งแรงและป้องกันไม่ให้ฟันแตกหัก
ฟันที่มีการสึกหรอจากการบดเคี้ยว
ถ้าฟันสึกจากการใช้งานหนักหรือมีความเสียหายจากอุบัติเหตุ ครอบฟันสามารถป้องกันไม่ให้ฟันเสียหายมากขึ้น
ฟันที่มีการแตกหรือหักจากอุบัติเหตุ
ถ้าฟันหักหรือแตกไปเกินกว่าจะบูรณะด้วยการอุดฟันธรรมดา การครอบฟันจะช่วยให้ฟันกลับมาดูดีและทำงานได้เหมือนเดิม
ฟันที่มีการผุรุนแรง
หากฟันผุจนไม่สามารถอุดฟันได้อย่างสมบูรณ์ หรือการอุดฟันไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ การครอบฟันก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
ฟันที่มีรูปร่างหรือขนาดไม่สวย
การครอบฟันสามารถช่วยปรับรูปทรงหรือขนาดของฟันให้ดูดีขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ฟันมีการมีการสึกหรอจนมีรูปร่างที่ไม่สมบูรณ์
ฟันที่มีการอุดฟันหลายครั้งจนไม่สามารถทำการอุดได้อีก
หากฟันมีการอุดหลายครั้งและส่วนที่เหลือของฟันไม่พอที่จะรองรับการอุดฟันใหม่ การครอบฟันจะเป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาฟันให้คงทน
1. เซรามิก (Ceramic)
2. โลหะ (Metal)
3. เซรามิกผสมโลหะ (Porcelain-Fused-to-Metal)
4. คอมโพสิต (Composite)
5. เซอร์โคเนีย (Zirconia)
การเลือกวัสดุจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่งของฟันที่ต้องการครอบ ความต้องการในด้านความสวยงามความแข็งแรง และงบประมาณ ทั้งนี้ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด