รากฟันเทียม vs รักษารากฟัน
การเลือกแผนการรักษาระหว่างรากฟันเทียม (Dental Implant) หรือการรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) ขึ้นอยู่กับสภาพฟันและปัญหาที่เกิดขึ้นกับฟันของคุณ ทั้งสองวิธีนี้มีจุดประสงค์หลักในการรักษาฟันที่เสียหาย แต่มีความแตกต่างกันในแง่ของกระบวนการและผลลัพธ์ที่ได้
รากฟันเทียม (Dental Implant)
รากฟันเทียมเป็นทางเลือกในการทดแทนฟันที่หายไป โดยการฝังอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรง เช่น ไทเทเนียม ลงในกระดูกขากรรไกร ซึ่งทำหน้าที่เหมือนรากฟันจริง
ข้อดีของรากฟันเทียม
1. ทดแทนฟันที่สูญเสียได้อย่างถาวร
รากฟันเทียมเหมาะสำหรับการทดแทนฟันที่หายไปทั้งหมด โดยให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและทนทาน
2. รักษากระดูกขากรรไกร
เมื่อฟันหายไป กระดูกขากรรไกรมักจะสูญเสียมวลกระดูกในส่วนที่ไม่มีฟัน รากฟันเทียมจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของกระดูกขากรรไกร และช่วยให้โครงสร้างของกระดูกยังคงแข็งแรง
3. ฟังก์ชันการทำงานและรูปลักษณ์เหมือนฟันธรรมชาติ
รากฟันเทียมและครอบฟันบนรากฟันเทียมมีลักษณะและการใช้งานเหมือนฟันธรรมชาติ โดยสามารถเคี้ยวอาหารและพูดได้ตามปกติ
4. ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง
ต่างจากการทำสะพานฟัน (Bridge) ที่ต้องกรอฟันข้างเคียง รากฟันเทียมไม่จำเป็นต้องมีการกรอฟันข้างเคียงเลย
ข้อจำกัดของรากฟันเทียม
1. ค่าใช้จ่ายสูง
การทำรากฟันเทียมมีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากกระบวนการฝังรากฟันเทียมต้องใช้เวลานานและมีการผ่าตัด
2. กระบวนการรักษาที่ยาวนาน
กระบวนการฝังรากฟันเทียมต้องใช้เวลาหลายเดือนในการให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูก (Osseointegration) ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายขั้นตอน
3. ต้องมีสุขภาพกระดูกขากรรไกรที่ดี
หากผู้ป่วยสูญเสียกระดูกขากรรไกรมากอาจต้องเสริมกระดูกก่อนการฝังรากฟันเทียม
รักษารากฟัน (Root Canal Treatment)
การรักษารากฟันเป็นกระบวนการที่ทำการรักษาฟันที่มีการติดเชื้อในรากฟัน โดยการเอาส่วนของเนื้อเยื่อในรากฟันที่ติดเชื้อออก แล้วทำการทำความสะอาดและเติมวัสดุพิเศษเพื่อปิดรากฟันและรักษาฟันธรรมชาติเอาไว้ในช่องปาก
ข้อดีของการรักษารากฟัน
1. รักษาฟันเดิม
การรักษารากฟันจะช่วยให้ฟันเดิมที่ยังอยู่ในช่องปากสามารถใช้งานได้อีก ซึ่งเป็นการรักษาฟันที่คุณอาจไม่ต้องทดแทนใหม่
2. รักษาฟันในช่องปาก
การรักษารากฟันช่วยให้คุณสามารถรักษาฟันที่มีการติดเชื้อและป้องกันไม่ให้ต้องถอนฟันออก
3. กระบวนการรักษาที่รวดเร็ว
การรักษารากฟันใช้เวลาน้อยกว่าและไม่ต้องทำการผ่าตัดเหมือนการฝังรากฟันเทียม สามารถทำเสร็จได้ใน 1-2 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน)
4. ราคาถูกกว่ารากฟันเทียม
สมัยก่อนการรักษารากฟันมีราคาถูกกว่าการทำรากฟันเทียมมาก แต่ในปัจจุบันต่างกันไม่เยอะ
ข้อจำกัดของการรักษารากฟัน
1. ไม่สามารถใช้เคี้ยวของแข็งได้
ฟันที่รักษารากฟันอาจจะไม่แข็งแรงเท่าฟันธรรมชาติ และอาจจะเสี่ยงต่อการแตกหรือร้าวได้หากต้องเจอกับแรงกดที่หนักเกินไป
2. อายุการใช้งานจำกัด
ฟันที่รักษารากฟันอาจจะมีอายุการใช้งานจำกัดและอาจต้องทำการรักษาหรือถอนออกในอนาคต หากเกิดปัญหาขึ้นอีก
3. ไม่ช่วยรักษากระดูกขากรรไกร
การรักษารากฟันไม่ช่วยกระตุ้นการรักษากระดูกขากรรไกรเหมือนรากฟันเทียม หากฟันหายไป กระดูกอาจสูญเสียมวล
4. อาจเกิดการติดเชื้อซ้ำ
แม้ว่าการรักษารากฟันจะสามารถรักษาฟันจากการติดเชื้อได้ แต่ในบางกรณีอาจเกิดการติดเชื้อใหม่ได้
การเปรียบเทียบระหว่างรากฟันเทียมและการรักษารากฟัน
คุณสมบัติ | รากฟันเทียม (Dental Implants) | รักษารากฟัน (Root Canal Treatment) |
การใช้งาน | ทดแทนฟันที่หายไปอย่างถาวร | รักษาฟันเดิมที่มีปัญหาที่รากฟัน |
รักษากระดูกขากรรไกร | ช่วยรักษากระดูกขากรรไกร | ไม่ช่วยรักษากระดูกขากรรไกร |
กระบวนการรักษา | ต้องใช้เวลาและการผ่าตัด | ใช้เวลาน้อยและไม่ต้องผ่าตัด |
อายุการใช้งาน | ยาวนาน (10 - 20 ปีหรือมากกว่า) | อายุการใช้งานจำกัด (อาจต้องรักษาหรือถอนในอนาคต |
ความทนทาน | ทนทานสูงและสามารถเคี้ยวได้ตามปกติ | อาจไม่ทนทานเท่าฟันธรรมชาติ |
ค่าใช้จ่าย | สูง (ขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่เลือก) | ต่ำกว่า |
การรักษาฟันข้างเคียง | ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง | ต้องกรอฟันข้างเคียง (ในกรณีสะพานฟัน) |
การดูแลรักษา | ดูแลเหมือนฟันธรรมชาติ | ต้องดูแลฟันที่รักษารากฟันให้ดี |
สรุป
- รากฟันเทียม เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันไปแล้ว และต้องการฟันที่ทดแทนได้อย่างถาวร มีการยึดติดกับกระดูกขากรรไกร ช่วยรักษากระดูกขากรรไกรและทนทานต่อการใช้งาน
- รักษารากฟัน เหมาะสำหรับฟันที่มีการติดเชื้อหรือเสียหายที่รากฟัน แต่ยังคงสามารถรักษาฟันเดิมไว้ได้ หากฟันมีการบูรณะและรักษาดีแล้ว ก็สามารถใช้งานได้เป็นระยะเวลานานระดับหนึ่ง
- การเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุดควรปรึกษาทันตแพทย์ ซึ่งจะพิจารณาจากสภาพฟัน กระดูกขากรรไกร และความต้องการส่วนบุคคลของผู้ป่วย