ก่อนเริ่มทำคุณหมอจะให้ยาชาระงับความเจ็บปวด ขณะการฝังรากฟันเทียมคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บแต่จะรู้สึกตึง ๆ มีแรงกดหรืออาจรู้สึกถึงแรงสะเทือนได้ ส่วนหลังการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมอาจมีอาการระบม ปวด บวมได้ โดยคุณหมอจะจ่ายยาแก้ปวดและแก้อักเสบเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้
1. เซรามิก (Ceramic)
2. โลหะ (Metal)
3. เซรามิกผสมโลหะ (Porcelain-Fused-to-Metal)
4. คอมโพสิต (Composite)
5. เซอร์โคเนีย (Zirconia)
การเลือกวัสดุจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่งของฟันที่ต้องการครอบ ความต้องการในด้านความสวยงามความแข็งแรง และงบประมาณ ทั้งนี้ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
1. ฟันเคลื่อนตำแหน่งกลับมาที่เดิม
หลังจากการจัดฟันครั้งแรกเสร็จสมบูรณ์ หากผู้ป่วยไม่ได้ใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (retainers) อย่างสม่ำเสมอ ฟันอาจจะเคลื่อนกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมที่ไม่ต้องการได้ การไม่ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์อาจทำให้ฟันกลับมาซ้อนเกหรือห่างอีกครั้ง
2. ปัญหาจากการจัดฟันไม่สมบูรณ์ในครั้งแรก
บางกรณีการจัดฟันครั้งแรกอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ฟันอาจยังคงมีการเบี้ยวเล็กน้อยหรือไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งอาจจำเป็นต้องจัดฟันเพิ่มเติม
3. การเปลี่ยนแปลงในกระดูกขากรรไกร
อายุที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้กระดูกขากรรไกรและฟันมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งอาจทำให้ฟันย้ายตำแหน่งได้ในบางกรณี
4. ปัญหาจากปัจจัยทางพันธุกรรมหรือสุขภาพ
บางคนอาจมีการเจริญเติบโตของฟันที่ไม่สมมาตร หรือมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างฟัน เช่น ฟันคุดที่ต้องถอน หรือปัญหาความผิดปกติในโครงสร้างขากรรไกรที่อาจต้องทำการรักษาเพิ่มเติม
5. การบาดเจ็บ
บางครั้งฟันอาจมีการเคลื่อนที่จากอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ ทำให้การจัดฟันที่เสร็จสมบูรณ์ต้องทำใหม่
1. ฟันจะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
การจัดฟันรอบที่ 2 ช่วยให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้น ฟันที่เบี้ยว ซ้อนเก หรือไม่สวยสามารถกลับมามีการเรียงตัวที่สวยงามและทำงานได้ดีขึ้นในการบดเคี้ยว
2. การแก้ไขปัญหาที่ไม่สมบูรณ์จากครั้งแรก
หากการจัดฟันครั้งแรกไม่ได้ผลลัพธ์ที่คาดหวัง การจัดฟันครั้งที่สองจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องนั้นให้ฟันเรียงตัวดีขึ้น
3. ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
หลังจากการจัดฟันรอบที่ 2 ฟันที่เรียงตัวดีขึ้นสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วยได้มากขึ้น ทั้งในด้านการพูดและการยิ้ม