1. ฟันเคลื่อนตำแหน่งกลับมาที่เดิม
หลังจากการจัดฟันครั้งแรกเสร็จสมบูรณ์ หากผู้ป่วยไม่ได้ใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (retainers) อย่างสม่ำเสมอ ฟันอาจจะเคลื่อนกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมที่ไม่ต้องการได้ การไม่ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์อาจทำให้ฟันกลับมาซ้อนเกหรือห่างอีกครั้ง
2. ปัญหาจากการจัดฟันไม่สมบูรณ์ในครั้งแรก
บางกรณีการจัดฟันครั้งแรกอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ฟันอาจยังคงมีการเบี้ยวเล็กน้อยหรือไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งอาจจำเป็นต้องจัดฟันเพิ่มเติม
3. การเปลี่ยนแปลงในกระดูกขากรรไกร
อายุที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้กระดูกขากรรไกรและฟันมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งอาจทำให้ฟันย้ายตำแหน่งได้ในบางกรณี
4. ปัญหาจากปัจจัยทางพันธุกรรมหรือสุขภาพ
บางคนอาจมีการเจริญเติบโตของฟันที่ไม่สมมาตร หรือมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างฟัน เช่น ฟันคุดที่ต้องถอน หรือปัญหาความผิดปกติในโครงสร้างขากรรไกรที่อาจต้องทำการรักษาเพิ่มเติม
5. การบาดเจ็บ
บางครั้งฟันอาจมีการเคลื่อนที่จากอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ ทำให้การจัดฟันที่เสร็จสมบูรณ์ต้องทำใหม่
1. ฟันจะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
การจัดฟันรอบที่ 2 ช่วยให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้น ฟันที่เบี้ยว ซ้อนเก หรือไม่สวยสามารถกลับมามีการเรียงตัวที่สวยงามและทำงานได้ดีขึ้นในการบดเคี้ยว
2. การแก้ไขปัญหาที่ไม่สมบูรณ์จากครั้งแรก
หากการจัดฟันครั้งแรกไม่ได้ผลลัพธ์ที่คาดหวัง การจัดฟันครั้งที่สองจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องนั้นให้ฟันเรียงตัวดีขึ้น
3. ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
หลังจากการจัดฟันรอบที่ 2 ฟันที่เรียงตัวดีขึ้นสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วยได้มากขึ้น ทั้งในด้านการพูดและการยิ้ม
1. ระยะเวลาในการรักษา
การจัดฟันรอบที่ 2 อาจใช้เวลานานน้อยหรือมากกว่าการจัดฟันครั้งแรก ขึ้นอยู่กับสภาพของฟันและกระดูกขากรรไกรของแต่ละคน
2. ค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน
ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันครั้งที่สองอาจต่ำหรือสูงกว่าการจัดฟันครั้งแรก ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละเคส
3. ความรู้สึกไม่สะดวกในระหว่างการรักษา
ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สะดวกหรือไม่สบายตัวระหว่างการจัดฟันครั้งที่สอง โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่เครื่องมือใหม่อาจทำให้เกิดแผลในช่องปากหรือการเจ็บปวดจากการขยับฟัน
4. การดูแลที่เข้มงวด
ในระหว่างการจัดฟันครั้งที่สอง ผู้ป่วยต้องให้ความสำคัญในการดูแลสุขอนามัยช่องปากและใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (Retainers) ตามคำแนะนำ เพื่อไม่ให้ฟันกลับมาเบี้ยวหรือซ้อนเกอีก
1. การประเมินสภาพฟันและขากรรไกร
ทันตแพทย์จะเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบฟันและขากรรไกรของผู้ป่วย เพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นและหาสาเหตุของฟันที่เบี้ยวหรือเคลื่อนที่ การถ่ายเอกซเรย์ CBCT หรือเอ็กซเรย์อื่น ๆ อาจช่วยในการวินิจฉัยปัญหาลึก ๆ ที่ไม่สามารถเห็นได้จากการตรวจภายนอก
2. การวางแผนการรักษา
ทันตแพทย์จะวางแผนการรักษาใหม่ โดยอาจมีการเลือกเครื่องมือจัดฟันแบบใหม่ เช่น การใช้เครื่องมือแบบใสที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว (Invisalign) หรือเครื่องมือแบบติดบนฟัน (Braces) ขึ้นอยู่กับสภาพของฟันและการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการ
3. การติดเครื่องมือจัดฟัน
ทันตแพทย์จะติดเครื่องมือจัดฟันและเริ่มกระบวนการเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม โดยอาจใช้เวลาหลายเดือนถึงปี ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส
4. การติดตามผลและการปรับเครื่องมือ
การติดตามผลเป็นสิ่งสำคัญในการจัดฟันรอบที่ 2 ซึ่งผู้ป่วยต้องไปพบทันตแพทย์ตามที่กำหนดเพื่อปรับเครื่องมือให้เหมาะสมกับการเคลื่อนที่ของฟัน
5. การดูแลหลังการจัดฟัน
หลังจากการจัดฟันเสร็จสมบูรณ์ ผู้ป่วยต้องใส่เครื่องมือถอด (Retainers) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม
การจัดฟันรอบที่ 2 เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาจากการจัดฟันครั้งแรก หรือสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันที่เคลื่อนตำแหน่งหรือเบี้ยวหลังจากการจัดฟันครั้งแรก การจัดฟันครั้งที่สองสามารถช่วยให้ฟันกลับมาเรียงตัวดีขึ้น และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วย แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด