10 ข้อควรรู้ ก่อนทำรากฟันเทียม
10 ข้อที่ควรรู้ก่อนทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียม (Dental Implant) เป็นการรักษาที่ต้องใช้เวลาและการดูแลระมัดระวัง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจทำรากฟันเทียม มีหลายสิ่งที่ควรรู้และพิจารณา เพื่อให้การทำรากฟันเทียมเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้
1. การประเมินสภาพช่องปาก
ก่อนทำการฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะต้องประเมินสภาพช่องปากและฟันของคุณอย่างละเอียด เช่น ตรวจสอบโครงสร้างกระดูกขากรรไกร ว่ามีความหนาและแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับรากฟันเทียมหรือไม่ หากกระดูกไม่เพียงพอ อาจต้องทำการปลูกถ่ายกระดูกก่อนที่จะทำรากฟันเทียมได้ การตรวจสอบโดยใช้เอ็กซเรย์ 3 มิติ (CBCT) จะช่วยให้ทันตแพทย์เห็นภาพที่ชัดเจนของโครงสร้างกระดูก
2. การเลือกวัสดุรากฟันเทียม
รากฟันเทียมมีวัสดุที่แตกต่างกัน เช่น ไทเทเนียม หรือ เซรามิกซึ่งไทเทเนียมเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความทนทานและสามารถยึดติดกับกระดูกได้ดี การเลือกยี่ห้อรากฟันเทียมก็มีความสำคัญ เช่น Straumann, Nobel Biocare หรือ Dentsply Sirona ซึ่งมีเทคโนโลยีและมาตรฐานที่แตกต่างกันไป ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับคุณ
3. ระยะเวลาการรักษา
การทำรากฟันเทียมไม่ใช่กระบวนการที่เสร็จสิ้นในครั้งเดียว โดยทั่วไปอาจใช้เวลาหลายเดือนในการรักษา ตั้งแต่การฝังรากฟันเทียมจนถึงการทำครอบฟัน ขั้นตอนการฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร ส่วนขั้นตอนการทำครอบบนรากฟันเทียม ต้องให้เวลาในการสมานรากฟันเทียมกับกระดูก (ประมาณ 3 - 6 เดือน) จึงจะสามารถทำครอบฟันได้ โดยปกติแล้วกระบวนการทั้งหมดอาจใช้เวลาตั้งแต่ 3 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับกรณี
4. อาการหลังการผ่าตัด
หลังการฝังรากฟันเทียมจะมีอาการบวมและเจ็บปวดเล็กน้อยในบางคน ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดการฟื้นตัวจะใช้เวลาต่างกันในแต่ละบุคคล และบางคนอาจมีอาการปวด บวมได้ในช่วงสั้น ๆ หลังการทำ หลังการฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะนัดตรวจเพื่อติดตามการหายของแผลเป็นระยะ
5. ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน
- การติดเชื้อ แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก ๆ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อ หากดูแลรักษาความสะอาดไม่ดี
- หากกระดูกขากรรไกรไม่สามารถยึดติดกับรากฟันเทียมได้ อาจทำให้รากฟันเทียมหลุดออก
- การทำรากฟันเทียมในกรณีที่กระดูกไม่พอ หากกระดูกขากรรไกรไม่พอ ต้องทำการปลูกกระดูกก่อน ซึ่งอาจทำให้กระบวนการการรักษานานขึ้น
- การบาดเจ็บที่เส้นประสาท ความเสี่ยงในการบาดเจ็บที่เส้นประสาทในกรณีที่ทำการฝังรากฟันเทียมในบริเวณที่ใกล้กับเส้นประสาท เช่น บริเวณขากรรไกรล่าง
6. ค่าใช้จ่าย
- การทำรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าในหลายกรณี เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีและวัสดุที่มีคุณภาพ
- ค่าใช้จ่ายในการทำรากฟันเทียมจะรวมถึงการฝังรากฟันเทียม การติดตั้งครอบฟัน และการตรวจติดตามผล ซึ่งอาจมีราคาแตกต่างกันตามประเภทวัสดุที่เลือกและคลินิกที่ให้บริการ
- ในบางกรณี หากต้องมีการปลูกกระดูกหรือการทำขั้นตอนพิเศษ อาจทำให้ราคาสูงขึ้น
7. การดูแลหลังการทำรากฟันเทียม
- หลังการฝังรากฟันเทียม คนไข้ต้องดูแลรักษาความสะอาดช่องปากให้ดี เช่น แปรงฟันอย่างเบามือ ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่ระคายเคือง และหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งในช่วงแรก
- การไปพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาจะช่วยให้กระบวนการฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในช่วงหลังการทำ เนื่องจากการสูบบุหรี่สามารถชะลอการฟื้นตัวและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
8. การเลือกทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
- การทำรากฟันเทียมต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำ เพราะการวางแผนและการฝังรากฟันเทียมต้องมีความแม่นยำสูง
- ควรเลือกทันตแพทย์ที่มีการศึกษาต่อและได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทางในด้านการฝังรากฟันเทียม
- ควรตรวจสอบรีวิวและคำแนะนำจากผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อน เพื่อให้มั่นใจในความสามารถของทันตแพทย์
9. ผลลัพธ์ระยะยาว
- รากฟันเทียมมีความทนทานและสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตถ้าดูแลรักษาอย่างดี โดยปกติแล้วอาจใช้ชีวิตได้หลายสิบปี
- อย่างไรก็ตาม ความยาวนานของรากฟันเทียมจะขึ้นอยู่กับการดูแลช่องปาก การหลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งที่อาจทำให้รากฟันเทียมหลุดหรือแตกหัก และการไปพบแพทย์เพื่อติดตามผล
10. โรคประจำตัวและยาบางชนิด
หากคนไข้มีโรคประจำตัวและทานยาอยู่ ควรแจ้งแก่ทันตแพทย์เพราะโรคบางอย่างและยาบางชนิดต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในการฝังรากฟันเทียม เช่น ยาห้ามเลือด ยาที่ส่งผลต่อการละลายตัวของกระดูก
ก่อนที่จะตัดสินใจทำรากฟันเทียม ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและเตรียมพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงการวางแผนการรักษาและการดูแลหลังการผ่าตัดอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด