รากฟันเทียม คือรากฟันที่ทำจากวัสดุไทเทเนียมเกรดการแพทย์เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป โดยรากเทียมได้ผ่านการวิจัยและรับรองแล้วว่าปลอดภัยและเป็นมิตรต่อร่างกาย รากเทียมจะถูกผ่าตัดฝังในกระดูกบริเวณที่วางแผนด้วยระบบดิจิตอล โดยกระดูกจะยึดเกาะรากเทียมไว้คล้ายกับที่ยึดฟันธรรมชาติ และทำให้รากเทียมสามารถทำหน้าที่ได้เสมือนฟันธรรมชาติ
ปัจจุบันรากฟันเทียมมีหลากหลายแบรนด์ในท้องตลาด เราสามารถเลือกรากเทียมได้โดยดูจากบริษัทที่ผลิตว่ามีการก่อตั้งมานานแค่ไหน มีรับประกันหรือไม่ เพราะการเลือกรากเทียมก็เหมือนกับการเลือกซื้อรถยนต์ เมื่อมีแล้วก็ต้องหมั่นคอยดูแลรักษาเป็นประจำทุก 6 เดือน อุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลรักษาหรือซ่อมแซมรากเทียมแต่ละแบรนด์ก็แตกต่างกัน สามารถแทบจะเรียกได้ว่าใช้แทนกันเกือบไม่ได้ หลังทำรากฟันเทียมเราจึงควรทราบชื่อแบรนด์ของรากเทียมที่เราทำไว้ด้วย ในส่วนของแผนการรักษาคุณหมอเองก็จะประเมินสภาพในช่องปากและเอกซเรย์ 3 มิติประเมินคุณภาพกระดูก เพื่อช่วยให้คำแนะนำว่ารากฟันเทียมแบบไหนที่เหมาะกับแต่ละเคส จำเป็นต้องเสริมกระดูกเทียมหรือไม่ โดยคุณหมอจะวางแผนตำแหน่งและจำนวนรากฟันเทียมโดยประเมินจากสภาพช่องปากคนไข้แต่ละเคสแตกต่างกันไป
รากฟันเทียมประกอบไปด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วน รากเทียม (Fixture) แกนรองรับรากฟันเทียม (Abutment) และครอบฟัน (Crown)
• ทำมากจากไทเทเนียมเกรดการแพทย์ ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองและเป็นมิตรต่อช่องปาก สามารถยึดติดกับกระดูกและทำหน้าที่เสมือนรากฟัน ทนทานต่อแรงบดเคี้ยว
• ทำหน้าที่รองรับครอบฟัน
• ทำจาก Zirconia มีรูปร่างและสีเหมือนฟันธรรมชาติ
• เหมาะกับเคสที่สูญเสียฟันธรรมชาติไปเพียง 1 ซี่ หรือหลายซี่ แต่ไม่ได้อยู่ติดกัน คนไข้สามารถดูแลความสะอาดคล้ายการดูแลฟันธรรมชาติ อีกทั้งรากฟันเทียมซี่เดียวยังสามารถเคี้ยวอาหาร และรับแรงบดเคี้ยวคล้ายฟันธรรมชาติมากที่สุด เหมาะกับเกือบทุกเคส
• เหมาะกับเคสที่สูญเสียฟันธรรมชาติมากกว่า 2 ซี่ และมีตำแหน่งอยู่ติดกัน โดยใช้สะพานฟันเชื่อมตรงกลางระหว่างรากฟันเทียม 2 ซี่
• เหมาะกับเคสที่ฟันหายไปหลายซี่ ฟันปลอมแบบถอดได้วางอยู่บนรากเทียม เพื่อช่วยประคองไม่ให้ฟันปลอมหลวม โดยทันตแพทย์จะนัดเช็คฟันปลอมเป็นประจำทุก 6 เดือนเพื่อตรวจสภาพ และทำความสะอาด
• เหมาะกับเคสที่สูญเสียฟันธรรมชาติทั้งปาก โดยทันตแพทย์จะประเมินและวางแผนว่า ควรฝังรากฟันเทียมจำนวนกี่ตัวต่อขากรรไกร เช่น 4 - 8 ตัว การใส่รากเทียมเพื่อรองรับฟันปลอมชนิดนี้ จะช่วยลดปัญหาฟันปลอมหลวม พูดไม่ชัด และช่วยเพิ่มความมั่นใจ
เราวางแผนและออกแบบการรักษา โดยมุ่งเน้นที่คนไข้เป็นหลัก
เสริมบุคลิกเพิ่มความมั่นใจให้กับรอยยิ้ม
ป้องกันฟันซี่ข้างเคียงล้มเกมาในตำแหน่งที่สูญเสียฟันไป
แก้ไขปัญหาฟันปลอมแบบถอดได้หลวม ยิ้มเห็นตะขอฟันปลอมเคี้ยวอาหารไม่สะดวก หรือเศษอาหารติดฟันปลอม
คุณหมอจะตรวจประเมินในช่องปาก และเอกซเรย์ 3 มิติ ประเมินคุณภาพกระดูก และใช้ Intra-Oral Scanner สแกนฟันเก็บข้อมูล อีกทั้งตรวจสอบประวัติโรคทางระบบและยาที่ทานอยู่ในปัจจุบัน เพื่อวางแผนการรักษาอย่างละเอียด
ในบางเคสอาจมีอาการปวด บวม หลังฝังรากเทียม เราจึงควรวางแผนวันนั้นควรงดการออกกำลังกายหนัก หรือหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องสนทนาเยอะ ๆ หลังได้รับการฝังรากเทียม 24 - 48 ชั่วโมง และงดสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับการฝังรากเทียมเป็นเวลา 1 เดือน
พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหาร ก่อนเข้ารับการฝังรากเทียม งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท 24 - 48 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฝังรากเทียม เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจส่งผลให้เลือดหยุดไหลช้า
เตรียมบริเวณที่จะฝังรากเทียม
ให้เหมาะสมกับขนาดที่วางแผนไว้ ภายใต้ยาชา โดยขณะเข้ารับการฝังรากเทียม (Fixture) คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่จะรู้สึกตึง ๆ หรือมีแรงกด
เสริมกระดูก
เสริมกระดูก (ฺBone Graft of GBR) หรือ ยกไซนัส (Sinus Lift) ในกรณีที่จำเป็น
เย็บปิดแผล
เมื่อได้รับการฝังรากเทียมเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะทำความสะอาด และเย็บปิดแผล โดยจะเห็น Healing Cap โผล่พ้นเหงือกขึ้นมา
ทำความสะอาดช่องปาก
ด้วยการแปรงฟันตามปกติ และทำความสะอาดบริเวณ Healing Cap ที่โผล่พ้นเหงือกด้วยการใช้ไม้พันสำลีขนาดเล็กชุบน้ำเกลือสะอาด เช็ดวนตามเข็มนาฬิกา
หลีกเลี่ยงการเคี้ยว
อาหารบนบริเวณที่ฝังรากเทียม เนื่องจากกระดูกจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ในการยึดเข้ากับรากเทียม
สแกนช่องปาก
สแกนช่องปากเพื่อทำครอบบนรากเทียม
ใช้แกนรองรับรากเทียม
คุณหมอจะใส่แกนรองรับรากเทียม (Abutment) และครอบฟัน (Crown) บนรากเทียม เอกซเรย์เช็กความแนบสนิท และเช็คการสบฟัน
นัดเช็คหลังใส่ครอบรากฟัน
นัดเช็คหลังใส่ครอบรากฟันเทียมไปแล้ว 1 - 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นนัดเช็คเป็นประจำทุก 6 เดือน
• กัดผ้าก๊อซบนบริเวณที่รับการผ่าตัดฝังรากเทียมประมาณ 1 - 2 ชั่วโมงเพื่อห้ามเลือด
• ประคบเย็น 24 - 48 ชั่วโมง หลังได้รับการผ่าตัดฝังรากเทียม
• หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ หรือกลั้วปากแรง ๆ 24 - 48 ชั่วโมง หลังได้รับการผ่าตัดฝังรากเทียม
• งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องสนทนาเยอะ ๆ 24 - 48 ชั่วโมง หลังได้รับการผ่าตัดฝังรากเทียม
• งดดื่มแอลกอฮอล์ 7 วัน หลังได้รับการผ่าตัดฝังรากเทียม
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เป็นเวลา 1 เดือน
• ทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ
หมายเหตุ การผ่าตัดฝังรากเทียมถือเป็นการผ่าตัดเล็กตามมาตรฐาน โดยส่วนใหญ่พบว่าอาการระบมหลังทำ มีอาการน้อย หรือใกล้เคียงกับการถอนฟัน อย่างไรก็ตามการหายของแผล การปวดบวมในแต่ละบุคคลแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล
หากคนไข้ใช้งาน รักษาทำความสะอาดโดยการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธีเป็นประจำทุกวัน เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คและบำรุงรักษาเป็นประจำทุก 6 เดือน รากฟันเทียมก็จะอยู่ในสภาพที่ดี ไม่มีการอักเสบ และสามารถอยู่ในช่องปากได้นานถึง 20 ปี หรือตลอดชีวิต
หมายเหตุ
อายุการใช้งานของรากเทียมขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวทางระบบ กรณีที่คนไข้สูบบุหรี่เป็นประจำ รากฟันเทียมจะมีอายุการใช้งานไม่นานเท่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ อีกทั้งการขาดนัด ไม่ได้พบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน ก็ส่งผลให้อายุการใช้งานของรากฟันเทียมลดลงอีกด้วย











ก่อนเริ่มทำคุณหมอจะให้ยาชาระงับความเจ็บปวด ขณะการฝังรากฟันเทียมคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บแต่จะรู้สึกตึง ๆ มีแรงกดหรืออาจรู้สึกถึงแรงสะเทือนได้ ส่วนหลังการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมอาจมีอาการระบม ปวด บวมได้ โดยคุณหมอจะจ่ายยาแก้ปวดและแก้อักเสบเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้