แชร์

รากฟันเทียมคืออะไร

อัพเดทล่าสุด: 22 พ.ค. 2025
42 ผู้เข้าชม

รากฟันเทียมคืออะไร

รากฟันเทียมคือ รากฟันที่ทำจากวัสดุไทเทเนียมเกรดการแพทย์เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป โดยรากเทียมได้ผ่านการวิจัยและรับรองแล้วว่าปลอดภัยและเป็นมิตรต่อร่างกาย รากเทียมจะถูกผ่าตัดฝังในกระดูกบริเวณที่วางแผนด้วยระบบดิจิตอล โดยกระดูกจะยึดเกาะรากเทียมไว้คล้ายกับที่ยึดฟันธรรมชาติและทำให้รากเทียมสามารถทำหน้าที่ได้เสมือนฟันธรรมชาติ

ใครที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียมบ้าง

  • คนที่สูญเสียฟันธรรมชาติไป
  • มีกระดูกเพียงพอต่อการฝังรากเทียม
  • ไม่มีโรคทางระบบที่เป็นข้อต้องห้าม
  • สุขภาพช่องปากดี

รากฟันเทียมแบบไหนที่เหมาะกับเรา

ปัจจุบันรากฟันเทียมมีหลากหลายแบรนด์ในท้องตลาด เราสามารถเลือกรากเทียมได้โดยดูจากบริษัทที่ผลิตว่ามีการก่อตั้งมานานแค่ไหน มีรับประกันหรือไม่ เพราะการเลือกรากเทียมก็เหมือนกับการเลือกซื้อรถยนต์ เมื่อมีแล้วก็ต้องหมั่นคอยดูแลรักษาเป็นประจำทุก 6 เดือน อุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลรักษาหรือซ่อมแซมรากเทียมแต่ละแบรนด์ก็แตกต่างกัน สามารถแทบจะเรียกได้ว่าใช้แทนกันเกือบไม่ได้  หลังทำรากฟันเทียมเราจึงควรทราบชื่อแบรนด์ของรากเทียมที่เราทำไว้ด้วย  ในส่วนของแผนการรักษาคุณหมอเองก็จะประเมินสภาพในช่องปากและเอ็กซเรย์ 3 มิติประเมินคุณภาพกระดูก เพื่อช่วยให้คำแนะนำว่ารากฟันเทียมแบบไหนที่เหมาะกับแต่ละเคส จำเป็นต้องเสริมกระดูกเทียมหรือไม่ โดยคุณหมอจะวางแผนตำแหน่งและจำนวนรากฟันเทียมโดยประเมินจากสภาพช่องปากคนไข้แต่ละเคสแตกต่างกันไป

รากฟันเทียมมีกี่แบบ

1. รากฟันเทียมซี่เดียว (Single Dental Implant)

ในเคสที่สูญเสียฟันธรรมชาติไปเพียง 1 ซี่ หรือหลายซี่แต่ไม่ได้อยู่ติดกัน คนไข้สามารถดูแลความสะอาดคล้ายการดูแลฟันธรรมชาติ อีกทั้งรากฟันเทียมซี่เดียวยังสามารถเคี้ยวอาหารและรับแรงบดเคี้ยวคล้ายฟันธรรมชาติมากที่สุด เหมาะกับเกือบทุกเคส

2. รากฟันเทียมรองรับสะพานฟัน (Implant Support Bridge)

เหมาะกับเคสที่สูญเสียฟันธรรมชาติมากกว่า 2 ซี่และมีตำแหน่งอยู่ติดกัน โดยใช้สะพานฟันเชื่อมตรงกลางระหว่างรากฟันเทียมสองซี่

3. รากฟันเทียมรองรับฟันปลอมแบบถอดได้ (Implant Retained Denture)

เหมาะกับเคสที่ฟันหายไปหลายซี่ ฟันปลอมแบบถอดได้วางอยู่บนรากเทียมเพื่อช่วยประคองไม่ให้ฟันปลอมหลวม โดยทันตแพทย์จะนัดเช็คฟันปลอมเป็นประจำทุก 6 เดือนเพื่อตรวจสภาพและทำความสะอาด

4. รากฟันเทียมรองรับฟันปลอมทั้งปากแบบติดแน่น (Implant Supported Denture or All on 4)

เหมาะกับเคสที่สูญเสียฟันธรรมชาติทั้งปาก โดยทันตแพทย์จะประเมินและวางแผนว่าควรฝังรากฟันเทียมจำนวนกี่ตัวต่อขากรรไกร เช่น 4 - 8 ตัว การใส่รากเทียมเพื่อรองรับฟันปลอมชนิดนี้ จะช่วยลดปัญหาฟันปลอมหลวม พูดไม่ชัด และช่วยเพิ่มความมั่นใจในเคสที่สูญเสียฟันไปทั้งปาก

รากฟันเทียมประกอบด้วย

รากฟันเทียมประกอบไปด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วน รากเทียม (Fixture)  แกนรองรับรากฟันเทียม (Abutment) และครอบฟัน (Crown) 

1. รากเทียม (Fixture) ทำมากจากไทเทเนียมเกรดการแพทย์ ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองและเป็นมิตรต่อช่องปาก สามารถยึดติดกับกระดูกและทำหน้าที่เสมือนรากฟัน ทนทานต่อแรงบดเคี้ยว
2. แกนรองรับรากฟันเทียม (Abutment) ทำหน้าที่รองรับครอบฟัน
3. ครอบฟัน (Crown) ทำจาก Zirconia มีรูปร่างและสีเหมือนฟันธรรมชาติ


รากฟันเทียม มีข้อดีอะไรบ้าง

  • สามารถใช้เคี้ยวอาหารได้ใกล้เคียงเสมือนฟันธรรมชาติมากที่สุด
  • เสริมบุคลิก เพิ่มความมั่นใจให้กับรอยยิ้ม
  • ป้องกันฟันซี่ข้างเคียงล้มเกมาในตำแหน่งที่สูญเสียฟันไป
  • แก้ไขปัญหาฟันปลอมแบบถอดได้หลวม ยิ้มเห็นตะขอฟันปลอม เคี้ยวอาหารไม่สะดวก หรือเศษอาหารติดฟันปลอม

เตรียมตัวอย่างไรก่อนทำรากฟันเทียม

1. พบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและวางแผน

คุณหมอจะตรวจประเมินในช่องปากและเอ็กซเรย์ 3 มิติประเมินคุณภาพกระดูก และใช้Intra-Oral Scanner สแกนฟันเก็บข้อมูล อีกทั้งตรวจสอบประวัติโรคทางระบบและยาที่ทานอยู่ในปัจจุบัน เพื่อวางแผนการรักษาอย่างละเอียด

2. นัดหมายวันฝังรากเทียม

ในบางเคสอาจมีอาการปวด บวม หลังฝังรากเทียม เราจึงควรวางแผนวันงดการออกกำลังกายหนักหรือหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องสนทนาเยอะ ๆ หลังได้รับการฝังรากเทียม 24 - 48 ชั่วโมงและงดสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับการฝังรากเทียมเป็นเวลา 1 เดือน

3. วันฝังรากฟันเทียม

พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารตามปกติโดยไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนเข้ารับการฝังรากเทียม งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท 24 48 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฝังรากฟันเทียม เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจส่งผลให้เลือดหยุดไหลช้า

ฝังรากฟันเทียม มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

  1. เตรียมบริเวณที่จะฝังรากเทียมให้เหมาะสมกับขนาดที่วางแผนไว้ภายใต้ยาชา โดยขณะเข้ารับการฝังรากเทียม (Fixture) คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บแต่จะรู้สึกตึง ๆ หรือมีแรงกด
  2. เสริมกระดูก (Bone Graft or GBR) หรือยกไซนัส (Sinus Lift) ในกรณีที่จำเป็น
  3. เมื่อได้รับการฝังรากเทียมเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะทำความสะอาดและเย็บปิดแผลโดยจะเห็น Healing Cap โผล่พ้นเหงือกขึ้นมา
  4. ทำความสะอาดช่องปากด้วยการแปรงฟันตามปกติ และทำความสะอาดบริเวณ Healing Cap ที่โผล่พ้นเหงือกด้วยการใช้ไม้พันสำลีขนาดเล็กชุบน้ำเกลือสะอาดเช็ดวนตามเข็มนาฬิกา
  5. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารบนบริเวณที่ฝังรากเทียม เนื่องจากกระดูกจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการยึดเข้ากับรากเทียม
  6. สแกนช่องปากเพื่อทำครอบบนรากเทียม
  7. คุณหมอจะใส่แกนรองรับรากเทียม (Abutment)  และครอบฟัน (Crown) บนรากเทียม เอ็กซเรย์เช็คความแนบสนิทและเช็คการสบฟัน
  8. นัดเช็คหลังใส่ครอบรากฟันเทียมไปแล้ว 1 - 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นนัดเช็คเป็นประจำทุก 6 เดือน

การดูแลตนเองหลังเข้ารับการฝังรากเทียม

  1. กัดผ้าก๊อซบนบริเวณที่รับการผ่าตัดฝังรากเทียมประมาณ 1 - 2 ชั่วโมงเพื่อห้ามเลือด
  2. ประคบเย็น 24 - 48 ชั่วโมงหลังได้รับการผ่าตัดฝังรากเทียม
  3. หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ หรือกลั้วปากแรง ๆ 24 - 48 ชั่วโมงหลังได้รับการผ่าตัดฝังรากเทียม
  4. งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ต้องสนทนาเยอะ ๆ 24 - 48 ชั่วโมงหลังได้รับการผ่าตัดฝังรากเทียม
  5. งดดื่มแอลกอฮอล์ 7 วันหลังได้รับการผ่าตัดฝังรากเทียม
  6. .หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เป็นเวลา 1 เดือน
  7. ทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบตามที่ทันตแพทย์แนะนำ

หมายเหตุ: การผ่าตัดฝังรากเทียมถือเป็นการผ่าตัดเล็กตามมาตรฐาน โดยส่วนใหญ่พบว่าอาการระบมหลังทำมีอาการน้อยหรือใกล้เคียงกับการถอนฟัน อย่างไรก็ตามการหายของแผล การปวด บวมในแต่ละบุคคลแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล

รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานกี่ปี

หากคนไข้ใช้งาน รักษาทำความสะอาดโดยการแปรงฟัน ใช้ใหมขัดฟันอย่างถูกวิธีเป็นประจำทุกวัน เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คและบำรุงรักษาเป็นประจำทุก 6 เดือน รากฟันเทียมก็จะอยู่ในสภาพที่ดี ไม่มีการอักเสบและสามารถอยู่ในช่องปากได้นานถึง 20 ปีหรือตลอดชีวิต 

หมายเหตุ: อายุการใช้งานของรากเทียมขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวทางระบบ กรณีที่คนไข้สูบบุหรี่เป็นประจำ รากฟันเทียมจะมีอายุการใช้งานไม่นานเท่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ อีกทั้งการขาดนัดไม่ได้พบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน ก็ส่งผลให้อายุการใช้งานของรากฟันเทียมลดลงอีกด้วย

ทำความสะอาดรากฟันเทียมอย่างไร

  • ใช้ไหมขัดฟันเหมือนกับที่ใช้ในฟันธรรมชาติและโอบรอบฟัน แต่ในรากฟันเทียมไหมขัดฟันจะสามารถลงได้ลึกกว่าเล็กน้อย
  • แปรงฟันครอบรากเทียมเหมือนการแปรงฟันธรรมชาติ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียม

Q: ฝังรากฟันเทียมเจ็บมากมั้ย
A: ก่อนเริ่มทำคุณหมอจะให้ยาชาระงับความเจ็บปวด ขณะการฝังรากฟันเทียมคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บแต่จะรู้สึกตึง ๆ มีแรงกดหรืออาจรู้สึกถึงแรงสะเทือนได้ ส่วนหลังการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมอาจมีอาการระบม ปวด บวมได้ โดยคุณหมอจะจ่ายยาแก้ปวดและแก้อักเสบเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้

Q: ใช้เวลาฝังรากฟันเทียมนานแค่ไหน
A: โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่หากมีการปลูกกระดูกหรือยกไซนัสอาจใช้เวลาเพิ่มขึ้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละเคส

Q: รากฟันเทียมอยู่ได้นานกี่ปี
A: หากทำความสะอาด ดูแลรักษาดี และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คเป็นประจำทุก 6 เดือน รากฟันเทียมสามารถมีอายุได้นานถึง 20 ปีหรือตลอดชีวิต

Q: ทำรากฟันเทียมคุ้มค่ามั้ย
A: รากฟันเทียมมีความทนทานสูงและใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ หากเราดูแลรักษาดีก็สามารถอยู่ได้นานหลายปีจึงถือว่าคุ้มค่าต่อการทำ

Q: คนที่ทำรากฟันเทียม สามารถจัดฟันได้หรือไม่
A: หากมีแพลนที่จะจัดฟัน ควรจะวางแผนจัดฟันร่วมกับการฝังรากเทียมและจัดฟันให้เสร็จก่อนเข้ารับการฝังรากฟันเทียมเนื่องจากรากฟันเทียมจะยึดนิ่งอยู่กับที่ ไม่สามารถขยับขณะจัดฟันได้

Q: ทำไมคนที่รับการฝังรากเทียมจึงไม่ควรสูบบุหรี่
A: การสูบบุหรี่จะส่งผลทำให้กระดูกและเนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ รากฟันเทียมเกิดการอักเสบและอาจส่งผลต่อการยึดของรากฟันเทียม


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy